บทสวดแผ่เมตตา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


บทสวดแผ่เมตตา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
อะระหัง  สัมมา  สัมพุทโธ  ภะคะวา 
พุทธัง  ภะคะวันตัง  อภิวา  เทมิ  (กราบ)
สวากขาโต  ภะคะวะตา  ธัมโม 
ธรรมมัง  นมัสสามิ   (กราบ)  
สุปฏิปัณโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ 
สังฆัง  นะมามิ   (กราบ) 


อิทัง ปุญญะ พะลัง 
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญ ณ.โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว ตั้งแต่ชาติก่อนหน้านี้ก็ดี ชาติปัจจุบันนี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้..ตราบเข้าสู่พระนิพพาน
และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้าและเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพและพญายมราช  ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพญายมราชจงโมทนาส่วนกุสลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ.กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ.โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เถิด
(ควรสวดหลังจากที่ได้มีการทำบุญ-ทำทานทุกครั้ง)

วิธีนึกถึงพระ
"...นึกถึงพระพุทธเจ้าและความดีของพระพุทธเจ้าคือ "พุทธานุสสติ"
เป็นการปฏิบัติจิตให้ว่างจากนิวรณ์ จิตมีสมาธิ มีอารมณ์สะอาด ก็ใช้วิธีคิด บางทีท่านทั้งหลายจะนึกไม่ออกว่า ความดีของพระพุทธเจ้าเยอะแยะมากจะเอาตรงไหนดี ก็ตัดสังโยชน์ ๓ ประการ แล้วก็ใช้กำลังความเป็นทิพย์ของจิตจับพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ เลย พระรูปพระโฉมตอนไหนก็ได้ หนุ่ม สมัยกลางคน แก่ใกล้นิพพาน หรือที่นิพพานไปแล้วก็ได้ ทำจิตให้เป็นสุข...

...ผู้ที่ไม่ได้ทิพจักขุญาณ ก็ใช้กำลังใจลืมตาดูพระพุทธรูป หรือหลับตานึกถึงพระพุทธรูปองค์ที่เราชอบที่สุด ทำใจให้สบาย นึกวาดภาพ ตั้งใจเห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้นั่งแบบไหน สีอะไร หน้าตายิ้มแย้มแบบไหน ทรงอะไรปางไหนก็ตาม ทำแบบสบายใจ..
...ถ้านึกภาพพระพุทธรูปที่อยู่ไกลนึกไม่ออก ก็นั่งดูพระพุทธรูป องค์ที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องหลับตาก็ได้หรือลืมตาดู จำภาพพระพุทธรูปแล้วก็หลับตานึกถึงก็ได้ เอาแค่สบายใจ...
...ขณะที่จิตยังพอใจอยู่กับพระพุทธรูป เวลานั้นจิตว่างจากกิเลส และจิตว่างจากนิวรณ์ จิตก็มีอารมณ์เป็นสุข ท่านเรียกว่า " สมาธิ " และเป็น พุทธานุสสติกรรมฐานแบบคิด ถ้ามีอาการทรงตัว ท่านให้ใช้คำภาวนาและลมหายใจควบ คำว่าภาวนาที่นิยมใช้คือ " พุทโธ " แต่ถ้าใจเรานึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว จะภาวนาว่าอย่างไรก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐานเหมือนกัน..."

จาก...หนังสือพ่อสอนลูก ฉบับประจำปี ๑๘ กันยายน ๒๕๔๖ ปกสีเหลืองทอง หน้า ๓๖๕...โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เหรียญหลวงพ่อ เหลือ วัดสาวชะโงก ปี 2516 เนื้ออัลปาก้า สวยเดิมครับ #63T28

สมเด็จ องค์ปฐม วัดโขงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

หนุมานผงพรายกุมาร รุ่นแรก ปี2553 หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ